โรลส์-รอยซ์มอเตอร์คาร์ส ประกาศความสำเร็จปี 2017 สู่มาตรฐานใหม่ของยนตกรรมหรูสั่งผลิตระดับโลก

โรลส์-รอยซ์มอเตอร์คาร์ส ประกาศความสำเร็จปี 2017

สู่มาตรฐานใหม่ของยนตกรรมหรูสั่งผลิตระดับโลก

17 มกราคม 2561 – กรุงเทพฯ

โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์คาร์ส ประกาศความสำเร็จปี 2017  ยกระดับมาตรฐานใหม่ของยานยนต์หรูสั่งผลิตระดับโลก เผยแผนกรถยนต์สั่งผลิตของ โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส คือศูนย์รวมมืออาชีพด้านการผลิตยานยนต์ ทั้งนักออกแบบ วิศวกร และช่างฝีมือชั้นเลิศ ซึ่งทำหน้าที่บันดาลความปรารถนาและความฝันของลูกค้าระดับสูงของโรลส์-รอยซ์ให้กลายเป็นความจริงด้วยงานออกแบบและงานฝีมือที่นำเสนอมาตรฐานของรถยนต์สั่งผลิตที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของผู้ครอบครองได้อย่างเหนือระดับ  ตั้งแต่ สเวพเทล (Sweptail),นิว แฟนธอม (New Phantom),ดอว์น (Dawn),เรธ (Wraith),โกสต์ (Ghost),โกสต์ เอเลแกนซ์ (Ghost Elegance), ดอว์น อิน ฟุกเซีย(Dawn in

Fuxia), ดอว์น บี50 (Dawn B50),ซิลเวอร์ ดอว์น (Silver Dawn) และบีสโป๊ค คอลเลกชัน ฟอร์ โคเรีย (Bespoke Collection for Korea)

 

วันนี้ รถยนต์เกือบทุกคันที่ผลิตโดยHome of Rolls-Royce ในเมืองกู้ดวูด ประเทศอังกฤษ ล้วนเป็นรถยนต์สั่งผลิตพิเศษแทบทั้งสิ้น ทำให้ปี ค.ศ. 2017 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่โรลส์-รอยซ์สามารถยกระดับมาตรฐานของรถยนต์สั่งผลิตขึ้นสู่ระดับที่ยังไม่เคยมีผู้ใดทำได้มาก่อน และทำให้ปี ค.ศ. 2017 กลายเป็นหนึ่งในหลักชัยสำคัญบนหน้าประวัติศาสตร์กว่า 114 ปีแห่งรถยนต์สั่งผลิตของ โรลส์-รอยซ์ ต่อไปนี้คือตัวอย่างงานออกแบบและงานฝีมือของรถยนต์สั่งผลิตโดย โรลส์-รอยซ์ แบรนด์แห่งความหรูหราระดับโลกตลอดระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา

“สเวพเทล (Sweptail)”

โรลส์-รอยซ์“สเวพเทล” คือการทำความปรารถนาของลูกค้ารถยนต์สั่งผลิตรายหนึ่งของแบรนด์ให้กลายเป็นความจริง โดยสเวพเทลเปิดตัวในปี ค.ศ. 2017 เพื่อมอบนิยามใหม่ของความหรูหราที่แท้จริงและนำเสนอมาตรฐานของรถยนต์สั่งผลิตที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของผู้ครอบครองได้อย่างเหนือระดับ ความสำเร็จครั้งนี้เกิดจากการร่วมมือระหว่างผู้อุปถัมภ์แบรนด์และศิลปินระดับโลก ก่อให้เกิดงานออกแบบที่โดดเด่น ซึ่งถ่ายทอดถึงมรดกแห่งความเป็นเลิศที่สืบทอดมาในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกอย่างชัดเจน และตอกย้ำถึงสถานะผู้นำด้านการสร้างสรรค์รถยนต์สั่งผลิตที่สื่อถึงตัวตนของผู้ครอบครองได้อย่างแท้จริง

 

สุดยอดยานยนต์ที่เปรียบดั่งแฟชั่นระดับสูงนี้ มีแรงบันดาลใจจากรูปทรงของรถยนต์โรลส์-รอยซ์ ในช่วงทศวรรษที่ 1920 – 1930 จุดเริ่มต้นจากความฝันของลูกค้าในการสร้างรถยนต์คูเป้แบบ 2 ที่นั่งที่โดดเด่นด้วยหลังคากระจกขนาดใหญ่รอบด้านแบบพานอรามิก ทำให้ผลงานยานยนต์ระดับมาสเตอร์พีซชิ้นนี้ได้ถือกำเนิดขึ้น

 

ภาพลักษณ์ที่ภูมิฐานและโดดเด่นสามารถมองเห็นได้จากรูปทรงตะแกรงหน้ารถที่ผลิตจากอลูมิเนียมแข็งส่วนด้านข้างตัวรถถูกออกแบบให้มีความสง่างาม โดยมีส่วนท้ายที่เรียวเล็กลงซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากโลกแห่งกีฬาแล่นเรือยอชท์ที่หรูหรา และนี่คือการนำเสนอภาพลักษณ์ใหม่

อันน่าหลงใหลของยานยนต์โรลส์-รอยซ์คูเป้แห่งยุคนี้ รูปทรงที่ลู่ลมด้านท้ายได้รับการตกแต่งด้วยตัวเลข08ที่ทำจากแท่งอลูมิเนียมและขัดเงาโดยช่างฝีมือเพื่อสร้างเอกลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใคร โดยเป็นหมายเลขทะเบียนของยานยนต์คันนี้ด้วย

 

“สเวพเทล” คือรถยนต์สั่งผลิตพิเศษที่โดดเด่นไม่เหมือนใครอย่างแท้จริง

 

นิว แฟนธอม (New Phantom) และแนวคิด“The Galleryห้องแสดงผลงานชั้นสูงเคลื่อนที่

นิว โรลส์-รอยซ์แฟนธอม เปิดตัวและได้รับเสียงชื่นชมจากทั่วโลกในปี ค.ศ. 2017 จากการนำเสนอแนวคิด“The Gallery”อันเป็นเสมือนหัวใจแห่งสุนทรียศาสตร์ของยานยนต์รุ่นนี้ ซึ่งเกิดจากการตีความภาพลักษณ์ความร่วมสมัยและความหรูหราในส่วนแผงหน้าปัดและแผงควบคุมของรถยนต์ใหม่ทั้งหมด

 

ทุกองค์ประกอบของรถยนต์ถูกห่อหุ้มด้วยแผงกระจกที่ครอบคลุมพื้นที่แผงหน้าปัดทั้งหมดมอบโอกาสแก่นักออกแบบในการนำเสนอผลงานศิลปะภายในห้องโดยสารได้อย่างโดดเด่นแนวคิด The Gallery คือแนวคิดใหม่ที่ช่วยยกระดับวิสัยทัศน์ของรถยนต์สั่งผลิตที่ไร้คู่แข่งและความเชี่ยวชาญในการใช้วัสดุและทักษะงานศิลป์ของโรลส์-รอยซ์ให้ประจักษ์แก่สายตาชาวโลก

 

ดอว์น (Dawn) และ เรธ (Wraith) ณ ปอร์โต แชร์โว

รถยนต์ทั้งสองรุ่นนี้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ โรลส์-รอยซ์ ซัมเมอร์ สตูดิโอ ในเมืองปอร์โตแชร์โว แคว้นซาร์ดิเนียของอิตาลีในปี ค.ศ. 2017 โดยทั้ง บีสโป๊ค ดอว์น ดรอพเฮด คูเป้(Bespoke Dawn Drophead Coupé) และ เรธ แบล็คแบดจ์(Wraith Black Badge) สามารถสื่อถึงเอกลักษณ์ของเกาะอันน่าหลงใหลแห่งนี้ได้อย่างชัดเจน

 

ดอว์นนำรูปทรงที่สื่อถึงทะเลมาใช้แสดงอารมณ์ของการปล่อยชีวิตแบบสบาย ๆ ตามไลฟ์สไตล์ในแถบเมดิเตอร์เรเนียนสัญลักษณ์ของเมืองปอร์โตแชร์โวถูกนำมาใช้ตกแต่งอย่างงดงามด้วยแซฟไฟร์และหอยมุก โดยฝังไว้บริเวณด้านหน้าของตัวรถ โทนสีน้ำเงินเข้ม (Navy blue) และขาวอาร์ติก (Arctic white) ของตัวรถยังช่วยขับเน้นโทนสีของพื้นและห้องโดยสารที่ตกแต่งด้วยไม้สักให้แลดูสวยงามลงตัวมากยิ่งขึ้น

 

ส่วน ปอร์โตแชร์โว เรธ ถูกออกแบบให้สื่อถึงบรรยากาศยามราตรีที่ครึกครื้นสนุกสนานของแคว้นซาร์ดิเนียด้านนอกของตัวรถโดดเด่นด้วยเฉดสีไดมอนด์แบล็ก (Diamond Black) แบบทูโทนที่เน้นความงดงามด้วยการเคลือบสีทั้งแบบผิวมันวาวและผิวด้านอย่างสอดรับกันแผงด้านในประตูรถหุ้มด้วยหนังถักสีดำขลับ ซึ่งช่วยขับเอกลักษณ์ที่ภูมิฐานและซับซ้อนของ เรธ แบล็คแบดจ์ ให้เด่นชัดภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน

 

โกสต์ (Ghost) กับแนวคิด “Spirit of Calligraphy จิตวิญญาณแห่งศิลปะตัวอักษร

รถยนต์สั่งผลิตเพียงคันเดียวรุ่นนี้เผยโฉมครั้งแรกที่เมืองดูไบ ในปี ค.ศ. 2017 โดยการออกแบบรถยนต์ บีสโป๊ค สปิริต ออฟ “คัลลิโอกราฟี” โกสต์ (Bespoke ‘Spirit of Calligraphy’ Ghost) ได้แรงบันดาลใจจากศิลปะอักษรอาหรับ/อักษรอารบิกโบราณ โดยการนำอักษรมาสร้างสรรค์เป็นรูปทรงที่มีลักษณะพิเศษซึ่งเกิดจากการหลอมรวมตัวอักษรและจินตนาการให้เป็นหนึ่งเดียว  โดยได้นำอักษรภาษาอารบิกซึ่งเป็นคำแปลคติพจน์ของ เซอร์เฮนรี่ รอยซ์ ที่ว่า “จงดึงเอาด้านที่ดีที่สุดของสิ่งที่มีอยู่ออกมาแล้วทำให้ดียิ่งขึ้นถ้าสิ่งนั้นไม่มีอยู่จงสร้างมันขึ้นมา” ถูกนำมาออกแบบเป็นรูปสัญลักษณ์สปิริตออฟเอ็กสตาซี (Spirit of Ecstasy) ซึ่งเป็นมาสคอตของโรลส์-รอยซ์ผลงานลวดลายจากศิลปะตัวอักษรของศิลปินชื่อดัง กาเล็ด อัล ซาอินี้ถูกนำเสนอในรูปแบบการฝังเงินเป็นลวดลายบนบริเวณแผงควบคุมกลางและการปักลายบนเบาะหลังกลางซึ่งเป็นจุดรวมสายตาที่ชัดเจน ท่ามกลางการตกแต่งด้วยหนังโทนสีเทอร์ควอยซ์ดำ และขาว ของห้องโดยสาร

 

“เอเลแกนซ์ (Elegance)”

ยานยนต์ โกสต์ เอเลแกนซ์ (Ghost Elegance) ถูกสั่งผลิตสำหรับนักสะสมรถยนต์ระดับสูงผู้หนึ่ง ถือเป็นอีกหนึ่งยานยนต์ที่ยกระดับมาตรฐานยานยนต์สั่งผลิต เนื่องจากเป็นรถยนต์โรลส์-รอยซ์คันแรกที่มีการทำสีที่ใช้เพชรเป็นส่วนประกอบ มอบความโดดเด่นบริเวณด้านข้างของตัวรถด้วยเส้นตัดขอบตัวถังคู่ในโทนสีแดงมูเจลโล(Mugello Red) และดำ สอดรับกับเบาะหนังสีดำภายในห้องโดยสารที่เน้นรูปทรงด้วยเฉดสีแดงมูเจลโล ทั้งบนรอบเย็บที่แผ่นบุประตูด้านในและเส้นขอบของเบาะนั่ง บริเวณแผงหน้าปัดกรุด้วยวีเนียร์สีทูดอร์โอ๊ก (Tudor Oak) แบบไม่ขัดมัน ตกแต่งด้วยการเย็บแบบด้ายเดี่ยวสีแดงมูเจลโลตามขอบบนของแผงหน้าปัด และประดับด้วยนาฬิกาสั่งทำพิเศษโดยเฉพาะ

 

“ดอว์น อิน ฟุกเซีย (Dawn in Fuxia)”

ในปี ค.ศ. 2017 นักสะสมรถยนต์ชาวอเมริกัน ไมเคิล ฟุกซ์ ได้รับมอบยานยนต์สั่งผลิตคันที่ 10 ของเขาจาก โรลส์-รอยซ์มอเตอร์คาร์ส โดยหลังจากที่ไมเคิลเดินทางไปท่องเที่ยวที่เพ็บเบิลบีชในปี ค.ศ. 2016 เขาได้รวบรวมกลีบดอกฟูเชียที่สวยงามไว้เป็นจำนวนมากและได้ท้าทายให้ทีมงานออกแบบรถยนต์สั่งผลิตที่กู้ดวูด สร้างสรรค์เฉดสีใหม่ที่สวยสะดุดตาให้แก่รถยนต์รุ่นดอว์น หลังจากนั้น ภายในงานชุมนุมยานยนต์เดอะ เคล ในแคลิฟอร์เนีย เฉดสี “ดอว์น อิน ฟุกเซีย” ที่สวยสดใสจึงเผยโฉมเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในคอลเลกชันสีของรถยนต์ โรลส์-รอยซ์ และสงวนสำหรับ มร.ฟุกซ์ ผู้เดียวเท่านั้น ซึ่งรถยนต์เฉดสีล่าสุดนี้นับเป็นรถยนต์รุ่นดอว์นคันที่ 2 หลังจากที่ไมเคิลเคยครอบครองคันแรกที่ผลิตในเฉดสี “Fux Blue” เพียงคันเดียวในปี ค.ศ. 2016ห้องโดยสารของ ดอว์น อิน ฟุกเซีย จึงถูกตกแต่งด้วยหนังโทนสีขาวอาร์ติก (Arctic White) ที่สว่างสดใส เพื่อรำลึกถึงรถยนต์ดอว์นคันแรกของเขา

 

“ดอว์น บี50 (Dawn B50)” สำหรับโรงแรมบิบลอส

ในโอกาสฉลองครบรอบ 50 ปี โรงแรมบิบลอสในแซงต์-โตรเปซ์ เมื่อปี ค.ศ. 2017โรลส์-รอยซ์มอเตอร์คาร์สได้เปิดตัว ดอว์นบี50สุดยอดรถยนต์สั่งผลิตพิเศษที่ได้แรงบันดาลใจจากความอบอุ่นและสีสันของชายฝั่งทะเลโกตดาซูร์ โรงแรมบิบลอสมีคำสั่งผลิตยานยนต์ ดอว์นบี50 ให้เป็นเสมือน “อัญมณีแห่งแซงต์-โตรเปซ์” ในด้านยานยนต์ โดยเฉดสีด้านนอกตัวรถใช้ 2 โทนสีหลัก ซึ่งรูปแบบการผสมโทนสีที่สดใสนี้คิดค้นขึ้นเพื่อร่วมเฉลิมฉลองโอกาสครอบรอบครั้งสำคัญของโรงแรมแห่งนี้โดยเฉพาะ รวมถึงแผ่นธรณีประตูรถและแนวเส้นตกแต่งตัวถังด้านข้างที่เพ้นท์ด้วยมือซึ่งสอดรับกับโลโก้ B50 อย่างสวยงาม ส่วนธีมการตกแต่งห้องโดยสารภายในได้แรงบันดาลใจจากดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรงแห่งเมดิเตอร์เรเนียน มอบความสดใสด้วยโทนส้มอมแดง(Tangerine)ที่ช่วยขับเน้นแผงหน้าปัดและเสริมความโดดเด่นของรอยเย็บบนเบาะหนังและแผ่นรองพื้นของห้องโดยสาร

 

ยานยนต์เพื่อการระลึกถึงซิลเวอร์ ดอว์น (Silver Dawn) รุ่นพิเศษ

หนึ่งในยานยนต์รุ่นสำคัญที่จัดแสดงอยู่ ณ Home of Rolls-Royce คือ ซิลเวอร์ ดอว์น ดรอพเฮด คูเป้ (Silver Dawn Drophead Coupé) รุ่นปี 1952 ที่หาชมได้ยากยิ่งเนื่องจากผลิตขึ้นเพียงไม่กี่คันสำหรับลูกค้าในแคนาดาในเวลานั้น และในปี ค.ศ. 2017 คำสั่งผลิตยานยนต์ดอว์นคันใหม่จากประเทศเดียวกัน ก่อให้เกิดการรำลึกถึงรถยนต์รุ่นพิเศษนี้อีกครั้ง ซึ่งตรงกับช่วงเวลาครบรอบปีที่ 65 ของรถยนต์คันนี้ด้วย

 

ด้านนอกของดอว์นรุ่นใหม่โดดเด่นสะดุดตาด้วยเฉดสีแบบทูโทนของมิดไนท์แซฟไฟร์ (Midnight Sapphire) และจูบิลีซิลเวอร์ (Jubilee Silver) เพื่อให้สวยงามทัดเทียมกับรุ่นต้นแบบในปี ค.ศ. 1952 พร้อมด้วยเส้นตกแต่งข้างตัวถังที่ลงสีในรูปแบบเฉพาะซึ่งถือเป็นการแหวกกฎครั้งแรกของโรลส์-รอยซ์ ส่วนภายในห้องโดยสาร สวยงามด้วยการตกแต่งหนังสีเทา (Selby Grey) และน้ำเงินเข้ม (Navy) ซึ่งสลับกับการกรุวีเนียร์สีวอลนัตเบอร์(Walnut Burr) อย่างกลมกลืนและดูสอดคล้องกับรถยนต์รุ่นต้นฉบับ พร้อมทั้งประดับด้วยนาฬิกาสั่งทำเฉพาะที่ประทับตัวหนังสือ “1952” และฝังลายSpirit of Ecstasy ลงในวีเนียร์

 

แรงบันดาลใจจากเกาหลีใต้

ยานยนต์ในชุด “บีสโป๊ค คอลเลกชัน ฟอร์ โคเรีย (Bespoke Collection for Korea)” เปิดตัวที่สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษในกรุงโซล ซึ่งนำเสนอสุนทรียภาพอันเป็นมรดกตกทอดของเกาหลีใต้เข้ากับภาพลักษณ์ที่สวยงามในแบบร่วมสมัยได้อย่างลงตัว โดยรถยนต์รุ่น โกสต์ โซล อิดิชั่น (Ghost Seoul Edition) สะท้อนถึงสีสันอันงดงามของธงชาติเกาหลีใต้ ทำให้ตัวรถโดดเด่นด้วยสีขาวอันดาลูเชียน (Andalusian White) ผสานกับสีน้ำเงินโคบัลโต (Cobalto Blue) และแดงมูเจลโล (Mugello Red) ร่วมกับภาพลักษณ์ใหม่ที่ออกแบบโดยเฉพาะเพื่อสื่อถึงหอคอยนัมซัน โซล ทาวเวอร์ อันโดดเด่นของเมือง สำหรับห้องโดยสารตกแต่งด้วยหนังสีดำให้ตัดกับสายคาดสีขาวอาร์ติก (Arctic White) อย่างงดงามพร้อมเสริมความโดดเด่นด้วยรอยตะเข็บและเส้นขอบสีน้ำเงินและแดงอย่างหรูหรา

 

ส่วนรุ่น “เรธ พูซาน อิดิชั่น (Wraith Busan Edition)” มีแรงบันดาลใจจากสีสันของเมืองริมทะเลแห่งนี้ ตัวรถด้านนอกทำสีในแบบทูโทนด้วยสีน้ำเงินรอยัลบลู (Royal Blue) และจูบิลีซิลเวอร์ (Jubilee Silver) ที่ชวนให้นึกถึงประกายระยิบระยับของท้องทะเลโดยรอบ ส่วนประดับโครงเสาท้ายรถสะท้อนถึงงานตาข่ายไม้อันละเอียดอ่อนของประตูแบบ “ฮานอก” โบราณของเกาหลี และได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในการตกแต่งห้องโดยสารไปจนถึงส่วนแผงหน้าปัด และเพื่อการนำเสนอโทนสีที่อ่อนละมุนของท้องฟ้าเหนือเทือกเขา จึงตัดขอบตัวถังรถช่วงบนด้วยแนวเส้นสีชมพู (Blushing Pink) และยังนำสีชมพูนี้ไปใช้กับรอยเย็บ แผงอุปกรณ์ และสัญลักษณ์อักษรย่อ RR บนที่พิงศีรษะของเบาะนั่งซึ่งบุด้วยหนังสีเทา (Selby Grey) และน้ำเงินโคบัลโต (Cobalto Blue)