งานเปิดตัวนิทรรศการศิลปะ แห่งช่างชุ่ย

WE CREATE MIRACLE FROM WHAT WE ARE
EXHIBITION BY
THAIWIJIT PUENGKASEMSOMBOON

สิ่งมหัศจรรย์ เป็นคำที่ดูแปลกแยกจากชีวิตประจำวัน แต่สำหรับศิลปินอย่าง ‘ไทวิจิต พึ่งเกษมสมบูรณ์’                       เขารู้สึกว่าสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ ทุก ๆ วัน ด้วยเราทุกคน

ไทวิจิต พึ่งเกษมสมบูรณ์ ศิลปินจากเชียงใหม่ ไม่ใช่ศิลปินที่ทำงานเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม แต่เขาทำงานสร้างสรรค์จากสิ่งของเหลือใช้ต่าง ๆ เขาต่อเติมส่วนที่ขาดหายไป ขยายให้ใหญ่ขึ้น ตัดทอนส่วนเกินให้เล็กลง ประกอบกัน และสร้างมันขึ้นมาใหม่ เพื่อให้สิ่งหนึ่งซึ่งเคยเป็นอย่างหนึ่ง ได้กลายสภาพเป็นอีกอย่าง หรือ หลายอย่างตามแต่จินตนาการจะใช้งาน กระบวนการรื้อสร้างประกอบร่างใหม่ ไม่ได้มีให้เห็นเฉพาะในงานประติมากรรม หรือ ที่ไทวิจิต เรียกว่า ‘Functional Objects’ เท่านั้น แต่วิธีคิดนี้ มีอยู่ในการใช้ชีวิตของเขา และได้รวมไปถึงการสร้างงานจิตรกรรมนามธรรมของเขาด้วย ซึ่งในงานจิตรกรรม ศิลปินได้สร้างมิติของสีและรูปทรงซ้อนทับกัน ดูเหมือนบางสิ่ง ที่เราเคยเห็นกันอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ มันถูกเปลี่ยนแปลงเรื่องราวและเสริมสร้างจินตนาการให้สนุกกับการร่วมเล่นทดลอง ในขณะที่ทุกอย่างกำลังดำเนินไป ผลรวมทั้งหมดที่ ไทวิจิตสร้างสรรค์ขึ้นนั้น ถูกแทนที่ด้วย ‘ความเป็นไปได้’ หรือเขาเรียกมันว่า ‘สิ่งมหัศจรรย์’ นั่นเอง ซึ่งเขาเองก็เชื่อว่ามันมีอยู่แล้ว อยู่ที่เราจะเลือกมองและลงมือทำให้เกิดเป็นผลขึ้นมา

หากเราลองมองดูสิ่งต่าง ๆ รอบตัวอย่างพิจารณา เราจะเห็นได้ว่า ‘ไม่มีสิ่งใดไร้ค่า’ (Nothing is Useless ตามความคิดเริ่มต้นของช่างชุ่ย) เริ่มต้นง่ายๆ จาก ลดการใช้ (Reduce) นำกลับมาใช้ใหม่ (Reuse, Recycle) ปฏิเสธการซื้อที่เกินจำเป็น (Reject) และซ่อมแซมสิ่งต่าง ๆ (Repair) โลกใบนี้ไม่สามารถรองรับปริมาณการผลิตมหาศาลที่สร้างภาระต่อสิ่งแวดล้อมได้อีกต่อไป คำถามทางวิทยาศาสตร์เรื่อง “point of no return” ของสภาวะโลกร้อน ท้าทายความเป็นอยู่ของมนุษย์ และร่วมตั้งคำถามสำคัญต่ออนาคตของพวกเราเอง

มาพบแรงบันดาลใจเพื่อไปสร้างสิ่งมหัศจรรย์
12 มกราคม – 27 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 13.00 – 21.00 น.
ที่ ‘CHANGCHUI GALLERY’ ช่างชุ่ย (เข้าชมฟรี / หยุดทุกวันพุธ)

 

***************************

 

‘โนอาห์’ ถึง ‘นาโอห์’ :

จากตำนานโบราณสู่ภัตตาคารสร้างสรรค์และพิพิธภัณฑ์ที่มีลมหายใจ  

‘เพราะทุกชีวิตกำลังจะสิ้นสลาย ‘โนอาห์’ (NOAH’S ARK) จึงกลายเป็นพาหนะขนาดมหึมาที่ไม่เพียงแต่ขนถ่ายสิ่งมีชีวิต ทว่ายังโดยสารมรดกทางความคิดและศรัทธาที่เต็มเปี่ยมด้วยความหวังของทุกลมหายใจ’

เมื่อตำนานเรือแห่งชีวิตครั้งบรรพกาลถูกปัดฝุ่นและตีความใหม่อย่างสร้างสรรค์ เพื่อชุบชีวิตอากาศยานปลดประจำการขึ้นอีกครั้ง สู่พันธกิจครั้งสำคัญในฐานะพิพิธภัณฑ์สัตว์สตาฟ สอดผสานความเป็นภัตตาคารร่วมสมัยที่ได้รับการตกแต่งและจัดวางองค์ประกอบภายในด้วยความประณีต ประหนึ่งขมวดคั้นศาสตร์และศิลป์หลากแขนงจนตกผลึกเป็นแนวคิดและแรงบันดาลใจที่จะดำรงไว้ซึ่งศิลปะแห่งการเรียนรู้ เพื่อเป็นมรดกแห่งยุคสมัยส่งต่อสู่คนรุ่นใหม่ผู้เปรียบเสมือนลมหายใจแห่งอารยธรรม

ย้อนหลังไปเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 1970 โลกแห่งอากาศยานและการบินได้รู้จักกับมหาอินทรีย์โลหะเหนือน่านฟ้า ‘ล็อกฮีด แอล – 1011 ไตรสตาร์’ (Lockheed L-1011 TriStar) ซึ่งสามารถจุผู้โดยสารได้ถึง 450 ที่นั่ง ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังมหาศาล 3 เครื่องยนต์ ทำอัตราความเร็วสูงสุด 978 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กับภารกิจนำส่งผู้คนถึงปลายทางอย่างมีความสุขและประทับใจ นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาทุกน่านฟ้าและท่าอากาศยานได้ประจักษ์ถึงความสง่างามของล็อกฮีด ทว่าเมื่อวันเวลาผ่านไปขวบวัยของเครื่องบินลำนี้ก็ถึงวันปลดประจำการ ปิดตำนานการบินที่กินเวลายาวนานเกือบ 50 ปีในที่สุด

หากแต่ความยิ่งใหญ่และสง่างามนั้นยังไม่เลือนหาย อากาศยานในตำนานจึงถูกปลุกขึ้นใหม่บนเนื้อที่ 11 ไร่ของ ‘ช่างชุ่ย’ พื้นที่แห่งความสร้างสรรค์ของฝั่งธนบุรี กับบทบาทใหม่ในฐานะเที่ยวบินแห่งการเรียนรู้เพื่อสร้างความประทับใจแก่ผู้มาเยือน ด้วยการแปลงสาสน์จากตำนานเรือโนอาห์มาสู่อากาศยานในนาม ‘นาโอห์’ (NA-OH) และนี่คือ หมุดหมายทางประวัติศาสตร์ที่ปราศจากกาลเวลา

พบประสบการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยมีที่ใดในโลกกับเหล่าสัตว์สตาฟกว่า 50 ชนิด นำโดยสิงโตขาวร่างสูงสง่า หมูป่าหางชี้จากแอฟริกา กวางเขายาวอีแลนด์จากทุ่งหญ้าซาวานา หมีขาวโพลาร์จากขั้วโลกเหนือ ลิงแมนดริลหน้าสี สัตว์ปีกและฝูงนก รวมถึงสรรพสัตว์อีกนานาชนิด ที่ต่อแถวเนรมิตภายในเครื่องบินให้กลายเป็นพื้นที่จัดแสดงเต็มรูปแบบ ตระการตากับภาพจิตรกรรมและเฟอร์นิเจอร์โบราณ รวมถึงของตกแต่งล้ำค่าเชิงประวัติศาสตร์

นาโอห์ ประสบการณ์ต้องห้ามพลาด Take off พร้อมกัน